การเดินทาง
การเดินทาง มายัง “นิทรรศน์รัตนโกสินทร์”
รถประจำทาง สาย : 2, 3, 9, 15, 31, 33, 42, 47, 59, 60, 64, 68, 70, 79, 82, 157, 201, 503, 509
รถยนต์ส่วนตัว : ใช้บริการที่จอดรถนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ประทับตราจอดรถ จอดได้ 3 ชั่วโมง 20 บาท เกิน 3 ชั่วโมง คิดค่าบริการชั่วโมงละ 50 บาท ***ควรใช้บริการรถสาธารณะจะสะดวกที่สุด
สำหรับการจัดแสดง “นิทรรศน์รัตนโกสินทร์” ได้นำเสนอเรื่องราวด้านต่างๆ แห่งยุครัตนโกสินทร์ ผ่านห้องจัดแสดง ซึ่งตั้งชื่อไว้อย่างคล้องจองกัน ทั้งหมด 9 ห้อง รวมกันหมายถึง “อัญมณี แห่งมหานคร” ดังนี้
1. รัตนโกสินทร์เรืองโรจน์
2. เกียรติยศแผ่นดินสยาม
3. เรืองนามมหรสพศิลป์
4. ลือระบิลพระราชพิธี
5. สง่าศรีสถาปัตยกรรม
6. ดื่มด่ำย่านชุมชน
7. เยี่ยมยลถิ่นกรุง
8. เรื่องรุ่งวิถีไทย
9. ดวงใจปวงประชา
อัตราค่าเข้าชม และเส้นทางในนิทรรศการ
เข้ามาชมกันที่นี่มีค่าเข้าชม 100 บาท ราคาเท่ากันทั้งคนไทยคนต่างชาติ
บางคนอาจจะบ่นว่าค่าเข้าชมแพงจัง ก็ต้องเล่าว่าที่นี่ลงทุนกันเป็นหลักร้อยล้านบาท เรียกว่างานนี้เก็บค่าเข้าชมก็เพียงแค่ให้มีรายได้เข้ามาชดเชยค่าใช้จ่ายบ้าง ไม่ได้คิดไปถึงจะให้คืนทุนที่ลงไป
ข่าวดีคือเขาให้เข้าชมฟรีกันสำหรับคนหลายกลุ่มเลย
เริ่มตั้งแต่เด็กสูงไม่เกิน 120 ซม. (วัดได้จากเคาน์เตอร์ขายบัตรเข้าชมได้เลย) แต่ถ้าโตกว่านั้นจะโชว์บัตรประจำตัวนักเรียน นักศึกษา (ไม่เกิน ป.ตรี) หรือแต่งเครื่องแบบมาก็ได้ เลยจากนั้นไปก็ข้ามไปกลุ่มผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไป แล้วก็เป็นผู้พิการ พระภิกษุหรือนักบวชในศาสนาอื่น ทั้งหมดนี้สามารถเข้าชมได้ฟรีไม่ต้องเสียสตางค์
ส่วนเส้นทางเดินชมเขาจะแบ่งออกเป็น 2 เส้นทาง
เส้นทางที่ 1 ก็คือ ห้องจัดแสดง 1-7 ส่วนนี้หลังจากห้องแรก ๆ แล้วห้องต่อไปก็เดินชมไปตามอัธยาศัยได้ ปกติก็ใช้เวลาชมประมาณ 2 ชม. หรือถ้าเดินชมผ่าน ๆ อาจจะเร็วกว่านั้นได้
ส่วนเส้นทางที่ 2 คือห้องจัดแสดง 8 และ 9 ที่เพิ่งเปิดเพิ่มเมื่อปลายเดือน มิ.ย. 54 นี้ แต่การชมจะต้องไปเป็นกลุ่มด้วยกันตลอด แล้วก็จะใช้เวลาชมรวมกัน 2 ชม. พอดิบพอดี
ตอนมาซื้อบัตรเขาชม เขาจะถามว่าจะชมในเส้นทางไหน ใครเคยมาแล้วจะเลือกเดินเฉพาะเส้นทาง 2 ที่เพิ่งเปิดเพิ่มก็ได้ หรือจะเลือกเดินทั้ง 2 เส้นทางไปในคราวเดียวกันก็เสีย 100 บาทเท่ากัน แต่ต้องเผื่อเวลาไว้เยอะ ๆ เลยไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง
อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์
ปัจจุบัน หลังจากหมดสัญญาเช่าแล้ว สำนักงานทรัพย์สินส่วน
พระมหากษัตริย์ จึงดำริที่จะพัฒนาอาคารบริเวณถนนราชดำเนินกลาง โดยเริ่มที่อาคารซึ่งต่อจาก ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ (พื้นที่ศาลาเฉลิมไทยเดิม) ซึ่งที่ตั้งอาคาร นั้นเสมือนเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเข้าสู่เขตพระราชธานีเมื่อครั้งในอดีต เปรียบได้กับเป็น ประตูสู่กรุงรัตนโกสินทร์ จึงกำหนดให้มีการจัดสร้างตกแต่งบูรณะอาคารเดิม ให้เป็น อาคาร
นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์กลางเรียนรู้ข้อมูล และแหล่งรวบรวมความรู้ทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม ของยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่บนถนนราชดำเนินอีกด้วย
โดยได้เริ่มโครงการก่อสร้าง บูรณะอาคาร และตกแต่งนิทรรศการภายใน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 และจะเปิดให้สาธารณะชนได้เข้าชมเพื่อร่วมภาคภูมิใจไปกับ ศิลปวิทยาการ มรดกของแผ่นดินที่สืบทอดมายาวนาน และอารยธรรมของประเทศในยุคที่เรียกว่า รัตนโกสินทร์นี้ ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป
ลักษณะทางสถาปัตยกรรม
สถาปัตยกรรมในช่วง พ.ศ. 2475 – 2489 เป็นช่วงการออกแบบที่ยึดแนวสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิคตะวันออก ซึ่งต้องมีรูปแบบและสัดส่วนของอาคารที่ถูกต้องทุกส่วน โดยเฉพาะในเรื่องของแกน (Axis) ของอาคารทั้งแนวตั้งและแนวราบ (มองจากผังอาคาร) เพื่อให้เกิดความสมดุล อีกทั้งการจัดวางผังบริเวณที่วางอาคารขนานตามแนวถนนให้รูปอาคารสอดคล้องกันตลอดแนวและวางตัวอาคารให้สัมพันธ์กับทิศทางแดด – ลม เพื่อให้สามารถรับลมธรรมชาติได้ดี
ตามที่กล่าวมาอาคารบนถนนราชดำเนินกลาง ผู้ออกแบบได้ยึดหลักการออกแบบสถาปัตยกรรมตามยุคสมัยนั้น โดยรูปทรงอาคารเป็นอาคารแบบผสมสถาปัตยกรรมตะวันตก ใช้รูปทรงเรขาคณิตพื้นฐาน คือ สี่เหลี่ยมและวงกลมประกอบกันอย่างกลมกลืน วางอาคารด้านยาวขนานตามแนวถนน สมมาตรกันตลอดแนวถนนราชดำเนินกลาง
รูปลักษณ์ภายนอกอาคารออกแบบให้แกนสมดุลย์อยู่กึ่งกลางอาคาร โดยกำหนดให้มีทางเข้าหลักตรงกลาง มีแนวครีบคอนกรีตเสริมเหล็ก (คสล.) ทางตั้งระหว่างหน้าต่างและกันสาด ยื่นออกจากแนวผนังเพื่อเน้นทางเข้า ซึ่งในบริเวณหน้าต่างส่วนอื่น ๆ มีเพียงกันสาด คสล. ด้านบน และปูนปั้นขอบล่างหน้าต่าง เพื่อให้รับกับครีบ คสล. ที่ออกแบบไว้
ในส่วนผิวผนังภายนอกอาคารเป็นผนังก่ออิฐฉาบปูนทำผิวไม่เรียบ (Texture) และเซาะร่องเลียนแบบการเรียงหิน ซึ่งเป็นการเน้นแนวขอบครีบ คสล.และขอบปูนปั้นกรอบหน้าต่างให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
หลังคาดาดฟ้าของอาคารในส่วนโค้งปลายอาคารทั้งสองด้านเป็นพื้น คสล. ส่วนกลางอาคารระหว่างโค้งเป็นหลังคาจั่วโครงไม้มุงกระเบื้อง ยกขอบสูงเพื่อบังหลังคากระเบื้อง และทำเป็นกันสาด
รูปทรงอาคารดังกล่าวเป็นลักษณะพื้นฐานของอาคารตลอดแนวถนนราชดำเนินกลาง ยกเว้นอาคารในพื้นที่มุมถนนบริเวณสี่แยกคอกวัว (4 อาคาร ปัจจุบันเหลือเพียงอาคารกรมเจรจาการค้าฯ , อาคารกองสลาก 2 และอาคารธนาคารออมสิน) อาคารรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย( 4 อาคาร ได้แก่ ร้านอาหารเมธาวลัยศรแดง ร้านหนังสือริมขอบฟ้า , ร้านแมคโดนัล และ ร้านอาหารวิจิตร) , อาคารปลายถนนราชดำเนินกลางบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ (ศาลาเฉลิมไทย ซึ่งรื้อไปแล้ว และอาคารเทเวศประกันภัย) และอาคารโรงแรมรัตนโกสินทร์ ซึ่งออกแบบให้มีองค์ประกอบ เช่น ครีบ ขอบปูนปั้น ผิวผนังภายนอกรูปทรงสี่เหลี่ยมและวงกลมคล้ายกัน อาจต่างกันที่อาคารและความสูงอาคารบางส่วนโดยเฉพาะอาคารเทเวศประกันภัย มีความสูงของอาคาร 5 ชั้น และมีโดมกลางอาคารที่เป็นโค้งโถงบันได ซึ่งอาคารอื่น ๆ มีความสูงเพียง 3 ชั้นและไม่มีโดมตรงกลาง
ประวัติความเป็นมา
อาคารบริเวณถนนราชดำเนินกลาง เป็นงานสถาปัตยกรรมที่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์กรุงเทพมหานคร นับตั้งแต่มีพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 5) ให้ตัดถนนราชดำเนินจากพระราชวังดุสิตไปยังพระบรมมหาราชวัง โดยจัดวางรูปแบบตามลักษณะของ Champs Elysees ในประเทศฝรั่งเศส
การก่อสร้างถนนราชดำเนินเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2442 ส่วนอาคารตลอดแนวถนนราชดำเนินกลางได้เริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. 2480 โดยการเวนคืนที่ดินทั้งสองฝั่งถนนข้างละ 40 เมตร และออกแบบโดยสถาปนิกหลายท่าน ได้แก่ มล.ปุ่ม มาลากุล, คุณหมิว อภัยวงศ์ ซึ่งใช้แนวความคิดในการออกแบบจาก Champ Elysees ตามพระราชดำริเดิมของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
งานก่อสร้างอาคารบนถนนราชดำเนินกลาง ใช้เวลาระหว่างปี พ.ศ. 2480 ถึง 2491 มีอาคารจำนวน 15 หลัง ใช้งบประมาณก่อสร้าง 10 ล้านบาท โดยจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง อาทิเช่น บริษัท สง่าวรรณดิศ จำกัด, บริษัทคริสเตียนีแอนด์เนลสัน จำกัด และในขณะเดียวกันได้ก่อสร้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในปี พ.ศ. 2482 ด้วย